Home
Education
Classroom
Knowledge
Blog
TV
ธรรมะ
กิจกรรม
โครงการทรูปลูกปัญญา

ประวัติการทำแผนที่ประเทศไทย

Posted By Plookpedia | 26 เม.ย. 60
3,825 Views

  Favorite

ประวัติการทำแผนที่ประเทศไทย

• การทำแผนที่แบบตะวันตกโดยคนไทยเริ่มมีขึ้นในสมัยรัชกาลที่ ๕ ใน พ.ศ. ๒๔๑๘ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้โปรดเกล้า ฯ ให้ตั้งหน่วยทหารช่างขึ้นในกรมทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ ทรงให้นายเฮนรีอะลาบาสเตอร์ (Henry Alabaster) (ซึ่งเคยรับราชการสถานทูตอังกฤษ แล้วเข้ามารับราชการไทยเป็นที่ปรึกษาส่วนพระองค์) เป็นหัวหน้านายนาวาเอกลอฟทัส (Lophtus) เป็นผู้ช่วยและมีหม่อมราชวงศ์แดง (หม่อมเทวาธิราช) นายทัด (พระยาสโมสรสรรพการ) นายสุด (พระยาอุดรกิจพิจารณ์) และหม่อมราชวงศ์แปลก (พระยาสากลกิจประมวล) ทั้ง ๔ นายนี้เป็นนายทหารในกรมทหารมหาดเล็กให้เข้ารับการอบรมฝึกหัดในหมวดทำแผนที่นี้

• งานที่ได้ทำไป ได้แก่ การทำแผนที่บริเวณถนนเจริญกรุงบริเวณใกล้พระราชวัง และบริเวณปากอ่าวเพื่อการเดินเรือ และใช้เป็นแนวทางป้องกันทางทะเลด้านอ่าวไทย 

• ใน พ.ศ. ๒๔๒๓ ทางรัฐบาลอังกฤษได้ขออนุญาตให้สถาบันการแผนที่อินเดียเข้ามาทำการวัดต่อสายสามเหลี่ยมสายเขตแดนตะวันออก โดยเข้ามาทางด่านพระเจดีย์สามองค์เพื่อสร้างหมุดหลักฐานแผนที่ที่ภูเขาทอง (กรุงเทพ) และที่พระปฐมเจดีย์ (นครปฐม) และโยงต่อออกไปจนถึงบริเวณปากอ่าว เพื่อจะได้โยงยึดเข้าด้วยกันกับสายหมุดหลักฐานที่สถาบันการแผนที่อินเดียได้ทำเข้ามาทางทะเลสำหรับใช้ในการสำรวจแผนที่ทางทะเลมีนายร้อยเอก  เอช. ฮิลล์ (H. Hill) เป็นหัวหน้ากองแผนที่นายเจมส์ แมคคาร์ทีเป็นผู้ช่วย และเป็นผู้นำระบบโครงข่ายสามเหลี่ยมเข้ามา พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานพระบรมราชานุญาต และโปรดเกล้า ฯ ให้นายอะลาบาสเตอร์ดำเนินการให้นายแมคคาร์ทีได้เข้ามาทำงานกับรัฐบาลไทยภายหลังเสร็จงานของสถาบันการแผนที่อินเดีย

• นายเจมส์ แมคคาร์ที ได้เริ่มเข้ารับราชการ ไทยเมื่อวันที่ ๑ กันยายน พ.ศ. ๒๔๒๔ โปรดเกล้า ฯ ให้สังกัดสมุหพระกรมทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ในบังคับบัญชาของนายพันโทพระองค์เจ้าดิศวรกุมาร (สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ) ผู้บังคับการ

 

พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงสถาปนากรมแผนที่ เมื่อวันที่ ๓ กันยายน พ.ศ. ๒๔๒๘

 

 

• การทำแผนที่แบบตะวันตกในประเทศไทย เริ่มตั้งแต่นายแมคคาร์ทีเข้ารับราชการไทยได้ใช้หลักมูลฐานขนาดมิติทรงวงรีเอเวอเรสต์ในการสำรวจทำแผนที่ตลอดมาชื่อทรงวงรี "เอเวอเรสต์" มาจากชื่อของนายพันเอกเอเวอเรสต์ นายทหารช่างชาวอังกฤษผู้เป็นหัวหน้าสถาบันการแผนที่อินเดียในสมัยที่อินเดียยังขึ้นกับอังกฤษ

• การทำแผนที่ซึ่งได้จัดทำก่อนสถาปนาเป็นกรมแผนที่เริ่มแรกในตอนปลาย พ.ศ. ๒๔๒๔ เป็นการสำรวจสำหรับวางแนวทางสายโทรเลขระหว่างกรุงเทพ ฯ และมะละแหม่ง (Moulmein) ผ่านระแหง (ตาก) ในการนี้นายแมคคาร์ทีได้ทำการสำรวจสามเหลี่ยมเล็กโยงยึดกับสายสามเหลี่ยมของอินเดียที่ยอดเขา ซึ่งอยู่ทางตะวันตกของระแหงไว้ ๓ แห่ง งานแผนที่ที่ใช้สำรวจมีการวัดทางดาราศาสตร์และการวางหมุดหลักฐานวงรอบ (traverse)

• เมื่อเสร็จงานสำรวจวางแนวทางสายโทรเลขแล้วพระองค์เจ้าดิศวรกุมาร (สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ) ซึ่งเวลานั้นเป็นผู้บังคับการกรมทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์ได้มีรับสั่งให้นายแมคคาร์ทีดำเนินการตั้งโรงเรียนแผนที่ โดยคัดเลือกนักเรียนจากกรมทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์จากจำนวน ๓๐ คน ใช้สถานที่เรียนที่ตำหนักสมเด็จเจ้าฟ้าจาตุรนต์รัศมี (กรมพระจักรพรรดิพงศ์) ซึ่งอยู่ในบริเวณพระราชวังบางปะอินใช้เวลาเรียนประมาณ ๓ เดือนแล้วย้ายกลับมากรุงเทพฯ คัดเลือกได้ผู้ที่จะเป็นช่างแผนที่ได้ ๑๐ คน เริ่มสำรวจทำแผนที่มาตราส่วนขนาดใหญ่บริเวณสำเพ็ง

 

แผนที่สารบาญประเทศสยาม
แผนที่สารบาญประเทศสยามแสดงงานวางหมุดหลักฐาน เมื่อ พ.ศ.๒๔๕๖

 

 

• ในเดือนธันวาคม พ.ศ. ๒๔๒๕ นายแมคคาร์ทีได้รับคำสั่งให้ไปสำรวจทำแผนที่บริเวณลุ่มแม่น้ำตืนซึ่งเป็นสาขาหนึ่งของแม่น้ำปิงบริเวณต้นแม่น้ำตืนเป็นป่าไม้สักหนาแน่นได้มีกรณีพิพาทเรื่องเขตระหว่างเชียงใหม่กับระแหง เกี่ยวกับสิทธิการเก็บภาษีอากรเสร็จงานทำแผนที่รายนี้แล้วก็ต้องไปทำแผนที่กำหนดเขตแดนระหว่างรามัญ (มณฑลปัตตานี) กับเปรัค (อาณานิคมของ อังกฤษ) ระหว่างเดือนมิถุนายนถึงพฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๒๖ เวลานั้นได้รับรายงานมีการก่อการไม่สงบจากพวกฮ่อในภูมิภาคทางตะวันออกเฉียงเหนือทางราชการเห็นเป็นการสมควรที่จะต้องมีการสำรวจทำแผนที่บริเวณที่เกิดความไม่สงบ 

• ในการไปทำงานแผนที่ครั้งนี้ มีนายเจ. บุช (J.Bush) และช่างแผนที่ไทย ๗ นาย เป็นกองทำแผนที่และทางราชการได้จัดกองทหาร ๒๐๐ คน มีนายลีโอโนเวนส์ (Leonovens) เป็นผู้บังคับบัญชาควบคุมไปด้วยทั้งคณะได้ออกเดินทางจากกรุงเทพฯ ในเดือนมกราคม พ.ศ. ๒๔๒๖ โดย ทางเรือถึงสระบุรีแล้วเดินทางทางบกต่อไปถึงนครราชสีมาและเดินทางต่อไปผ่านพิมายภูไทสงและกุมภวาปีไปถึงหนองคายริมฝั่งแม่น้ำโขงจากหนองคายให้นายบุชเดินทางต่อไปยังหลวงพระบางส่วนนายแมคคาร์ทีเดินทางต่อไปยังเวียงจันทน์ก่อนแล้วต่อไปยังเชียงขวางผ่านเมืองฝางและเมืองจันแล้วจึงล่องตามลำน้ำจันมาออกแม่น้ำโขงกลับมายังหนองคายอีกแล้วเดินทางต่อไปถึงหลวงพระบางในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๒๖ ได้กำหนดการไว้ว่าจะอยู่ทำงานที่บริเวณนี้ในระหว่างฤดูฝนแต่นายบุชได้ล้มป่วยลงและได้ถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ ๒๙ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๒๖ เนื่องจากไข้พิษดังนั้นต้นเดือนกรกฎาคมนายแมคคาร์ทีจึงได้ยกกองกลับกรุงเทพฯ 

• นายแมคคาร์ทีรับราชการได้ประมาณ ๒ ปี ก็ได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็นพระวิภาคภูวดลเมื่อวันที่ ๑๓ มกราคม พ.ศ. ๒๔๒๖ 

• ภายหลังจากนั้นกองแผนที่ไทยได้นายดี.เจ. คอลลินส์ (D.J.Collins) ช่างแผนที่จากสถาบันการแผนที่อินเดียเข้ามารับราชการไทยเมื่อวันที่ ๑๙ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๒๖ ซึ่งเหมาะกับเวลาที่จะยกกองออกไปภาคเหนือพระวิภาคภูวดลจึงได้ยกกองออกเดินทางในเดือนพฤศจิกายนมีนายคอลลินส์ไปด้วยและมีหน่วยทหารคุ้มกันซึ่งมีนายเรือโทรอสมุสเซน (Rosmussen) เป็นผู้บังคับบัญชาทหารเรือ ๓๐ คน เดินทางทางเรือผ่านชัยนาทนครสวรรค์ไปถึงอุตรดิตถ์แล้วเดินทางทางบกถึงน่าน 

• จากน่านไปหลวงพระบางได้แยกกองออก เป็น ๒ กลุ่ม กลุ่มหนึ่งนำโดยนายคอลลินส์และนายเรือโทรอสมุสเซนไปทางบกอีกกลุ่มหนึ่ง นำโดยพระวิภาคภูวดลไปทางท่านุ่นแล้วเดินทางทางน้ำไปบรรจบกันที่หลวงพระบาง

 

• กลุ่มพระวิภาคภูวดลได้ผ่านเมืองจุก (หงสาวดี) มีทุ่งพื้นราบยาวประมาณ ๖x๑๐ ไมล์ล้อมรอบด้วยภูเขามีภูเขาไฟ ๒ ลูก โผล่ให้เห็นชื่อภูไฟใหญ่และภูไฟน้อยพระวิภาคภูวดลได้แวะไปดูภูไฟใหญ่มีทางขึ้นไปถึงปากปล่องภูเขาไฟทรงวงรี ขนาด ๑๐๐x๕๐ หลา ปากปล่องภูเขาไฟข้างหนึ่งสูงกว่าอีกข้างหนึ่งประมาณ ๕๐ ฟุต เมื่อเอาเศษไม้แห้งใส่เข้าไปตามรอยแตกร้าวไม่ช้าได้ยินเสียงเหมือนไฟคุขึ้นมีควันออกมาและต่อมาเห็นไฟไหม้ขึ้นมาที่เศษไม้นั้นแต่ที่รอยแตกร้าวอื่นจะเห็นมีแต่ควันขึ้นมา 

• เมื่อเดินทางต่อไปถึงท่านุ่นริมแม่น้ำโขงกลุ่มของพระวิภาคภูวดลได้เดินทางทางน้ำไปพบกันกับอีกกลุ่มหนึ่งที่หลวงพระบางจากหลวงพระบางกองแผนที่ได้เดินทางต่อไปยังทุ่งเชียงคำซึ่งเป็นที่ตั้งกองทหารไทยกำลังทำการปราบพวกก่อการร้ายฮ่อเมื่อเสร็จธุรกิจกับข้าหลวงที่กำลังทำการปราบฮ่อได้ยกกองทำแผนที่ไปที่หลวงพระบางและทำการบุกเบิกสำรวจและทำแผนที่ภูมิประเทศบริเวณเหนือของแม่น้ำโขงและตะวันออกของหลวงพระบาง แล้วยกกองกลับกรุงเทพฯ เมื่อวันที่ ๑ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๒๗ 

• กองการแผนที่คงเป็นส่วนหนึ่งในสังกัดกรมทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์จนถึงวันที่ ๓ กันยายน พ.ศ. ๒๔๒๘ จึงได้มีพระบรมราชโองการสถาปนาขึ้นเป็นกรมทำแผนที่แยกออกจากกรมทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์และมีพระวิภาคภูวดลเป็นเจ้ากรมกรมทำแผนที่เปลี่ยนชื่อหลายครั้งครั้งสุดท้ายเป็นกรมแผนที่ทหารมาจนปัจจุบันนี้ 

 

 

แผนที่ประวัติอาณาเขตไทย
แผนที่ประวัติอาณาเขตไทย แสดงอาณาเขตไทย ต้นยุคกรุงรัตนโกสินทร์

 

• ภายหลังตั้งกรมพระวิภาคภูวดลได้ขึ้นไปภาคเหนืออีกสองครั้งเพื่อทำแผนที่ให้แก่กองทัพครั้งสุดท้ายไปที่เมืองเทิงซึ่งอยู่ทางเหนือของหลวงพระบางและเวลานั้นเป็นที่ตั้งกองทัพของพระยาสุรศักดิ์มนตรี (ภายหลังได้เป็นเจ้าพระยา) และได้กลับกรุงเทพฯ ปลาย พ.ศ. ๒๔๒๙

• ปีต่อมารัฐบาลไทยได้ทำสัญญากับบริษัทพูชาร์ด (Puchard) ให้สำรวจแนวทางสำหรับสร้างทางรถไฟจากกรุงเทพฯ ถึงเชียงใหม่พระวิภาคภูวดลได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้แทนรัฐบาลติดตามช่างของบริษัทที่ทำการนี้ด้วยภายหลังเมื่อเสร็จงานนั้นแล้วมีนายช่างของบริษัทคนหนึ่งชื่อสไมลส์ (Smiles) ได้เข้ามาสมัครทำงานที่กรมแผนที่ 

• ใน พ.ศ. ๒๔๓๓ มีงานแผนที่สำคัญที่ต้องทำเป็นงานสำรวจทำแผนที่กำหนดเขตแดนระหว่างไทยกับพม่าทางภาคตะวันตกเฉียงเหนือ 

• ได้มีการเริ่มทำแผนที่สามเหลี่ยมบริเวณภาคเหนือตั้งต้นที่เชียงใหม่ วัดโยง ยึดติดต่อกับโครงข่ายการสามเหลี่ยมภาคตะวันออกของสถาบันการแผนที่อินเดีย มีการวัดเส้นฐานที่ทุ่งนาเมืองเชียงใหม่ (และมีการทำแผนที่ด้วยโซ่และเข็มทิศ ในบางภาค ของมณฑลพายัพด้วย) นายสไมลส์ซึ่งได้เข้ารับราชการกรมแผนที่ได้ร่วมทำงานการสามเหลี่ยมครั้งนี้ด้วย โดยตั้งต้นที่เชียงขวางไปถึงหลวงพระบาง วันที่ ๒๘ เมษายน พ.ศ. ๒๔๓๕ หลวงเทศาจิตวิจารณ์ (ภายหลังเป็น พระยามหาอำมาตย์) ได้รับคำสั่งให้กลับกรุงเทพ ฯ เนื่องจากได้มีการปรับปรุงระเบียบบริหาร มีการตั้งกระทรวงและทางราชการได้ให้ไปรับตำแหน่งทางกระทรวงมหาดไทย งานแผนที่สามเหลี่ยมได้ดำเนินไปจนถึงเดือนมิถุนายน พ.ศ. ๒๔๓๖ พระวิภาคภูวดลได้รับคำสั่งได้ยกกองกลับกรุงเทพ ฯ เนื่องจากได้เกิดกรณีพิพาทกับฝรั่งเศส ทางฝ่ายฝรั่งเศสยึดเอาดินแดนซึ่งกองแผนที่ได้สำรวจไว้แล้วทางเหนือและตะวันออกของแม่น้ำโขง พระวิภาคภูวดลได้ยกกองกลับถึงกรุงเทพฯ เมื่อวันที่ ๖ สิงหาคม พ.ศ. ๒๔๓๖

 

• ในระหว่างฤดูสำรวจ พ.ศ. ๒๔๓๖-๒๔๓๗ ได้มีการทำแผนที่การสามเหลี่ยมออกจากกรุงเทพ ฯ ไปทางจันทบุรี และมีการทำแผนที่ภูมิประเทศโดยโซ่และเข็มทิศในต่างจังหวัด เพื่อเก็บข้อมูลสำหรับทำแผนที่ประเทศไทย

นายโรแนลด์ ดับเบิลยู กิบลิน  เจ้ากรมแผนที่ทหารคนที่ ๒
นายโรแนลด์ ดับเบิลยู กิบลิน เจ้ากรมแผนที่ทหารคนที่ ๒

 

 

• นายอาร์ ดิบบลิว กิบลิน (R.W. Giblin) ผู้ซึ่งต่อมาได้เป็นเจ้ากรมแผนที่ได้เข้ารับราชการไทยเมื่อวันที่ ๑ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๓๗ ทางกรมแผนที่ได้พยายามจะต่อสายสามเหลี่ยมให้โยงยึดเข้าด้วยกันกับสายสามเหลี่ยม ซึ่งได้จัดทำไปแล้วทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือในฤดูสำรวจ พ.ศ. ๒๔๓๗-๒๔๓๘ แต่มีอุปสรรคบางประการจึงต้องเลิกล้มความตั้งใจนั้น 

• พระวิภาคภูวดลได้ให้นายกิบลินและนายสไมลส์ไปทำการแผนที่จากเสียมราฐถึงบาสสัก ที่บาสสักได้มีการวัดทางดาราศาสตร์หาลองจิจูดของบาสสัก ใช้วิธีโทรเลขและการวัดทางดาราศาสตร์หาเวลาอย่างละเอียดระหว่างกรุงเทพ ฯ กับบาสสัก ระหว่างที่ไปทำการแผนที่ครั้งนี้ นายสไมลส์ได้ป่วยเป็นโรคบิดถึงแก่กรรมที่บ้านจัน และได้มีการฝังศพไว้ที่สังขะ เมื่อสิ้นฤดูสำรวจนายกิบลินได้ยกกองกลับกรุงเทพ ฯ 


• การรวบรวมข้อมูลและการเขียนแผนที่ประเทศไทยได้ดำเนินการจนแล้วเสร็จ และจัดพิมพ์ขึ้นได้ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษใน พ.ศ. ๒๔๓๙ ภาษาอังกฤษได้พิมพ์ที่ลอนดอน เพราะเวลานั้นกรมแผนที่ยังไม่มีเครื่องมือพิมพ์ดีพอที่จะทำงานนี้ สำเนาฉบับต่อมาจึงได้พิมพ์ที่กรมแผนที่

 

 

 

เว็บไซต์ทรูปลูกปัญญาดอทคอมเป็นเพียงผู้ให้บริการพื้นที่เผยแพร่ความรู้เพื่อประโยชน์ของสังคม ข้อความและรูปภาพที่ปรากฏในบทความเป็นการเผยแพร่โดยผู้ใช้งาน หากพบเห็นข้อความและรูปภาพที่ไม่เหมาะสมหรือละเมิดลิขสิทธิ์ กรุณาแจ้งผู้ดูแลระบบเพื่อดำเนินการต่อไป
Tags
  • Posted By
  • Plookpedia
  • 15 Followers
  • Follow